Idiom คือ สำนวนโวหาร กลุ่มคำที่นำมารวมกันแล้วเกิดความหมายใหม่และแตกต่างจากความหมายของคำ
ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ไม่ได้มีความหมายตรงตัว เช่น
- A piece of cake คืออะไรที่ง่ายไม่มีอะไรยาก
- Playing with fire ทำอะไรที่เสี่ยงต่ออันตราย
- Raining cats and dogs ฝนตกหนักมาก
แล้วทำไมเราต้องเรียนความหมายมันด้วย เราต้องรู้ความหมายมันคะ ไม่งั้นเราก็จะคุยกับฝรั่งไม่รู้เรื่อง
อย่างเช่น so far แปลแบบไม่รทราบความหมายว่าคืออะไร เพราะจริงๆแล้ว so far เป็น Idiom นะค่ะ แปลได้ดังนี้ 1. Up to the present moment จนถึงทุกวันนี้ จนกระทั่งปัจจุบัน, จนเดี๋ยวนี้ 2. To
a limited extent เพียงแค่นี้, เพียงเท่านี้
คลิ๊กเลยย !! >> Idioms by Alphabet (สำนวนเรียงตามตัวอักษร)<<
Slang คือ คำที่มีคนตั้งขึ้นมาใช้กันในกลุ่มเล็กๆ แต่ก็อาจได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับในวงกว้างได้ เช่น จุงเบย บ่องตง และอาจเรียกได้ว่าเป็นคำตลาด, ถ้อยคำที่ใช้กันทั่วไปแต่ไม่ถูกต้องตามหลักภาษา, ถ้อยคำที่ใช้เข้าใจกันเฉพาะ ชนหมู่ใดหมู่หนึ่ง
1. “Twenty-four Seven” สำนวนนี้หมายความว่าอะไร
เนื่องจากหนึ่งวันมี 24 ชั่วโมง และหนึ่งอาทิตย์ก็มี 7 วัน สำนวนนี้จึงมีความหมายว่า “ตลอดเวลา
ทุกๆนาทีของทุกๆวัน” ค่ะ
2. “Get the ball rolling” ความหมายของสำนวนนี้ก็คือ
“เริ่มทำอะไรสักอย่าง” แค่จำไว้ว่า “Let’s
get the ball rolling” ความหมายเท่ากับ “Let’s start now-เราเริ่มกันเถอะ”
3. “Take it easy” ถ้ามีคนพูดกับคุณว่า
“I don’t have any plans this weekend. I think I’ll take it easy.” ความหมายของสำนวนนี้ก็คือ “ผ่อนคลาย” หรือ “พักผ่อน” ค่ะ
สำนวนนี้ก็เข้าใจง่ายเหมือนกันค่ะ “I’m going to take it easy.” ความหมายก็คือ “I’m going to relax.-ฉันจะพักผ่อนสักหน่อย”
4. “Sleep on it” ถ้ามีคนๆหนึ่งพูดว่า
“I’ll sleep on it.” ความหมายของเขาก็คือ “ฉันขอใช้เวลาในการตัดสินใจสักหน่อย” เพราะฉะนั้น
ถ้ามีคนพูดกับคุณว่า “I’ll get back to you tomorrow. I have to sleep
onit.” ความหมายของเขาก็คือ “ฉันขอเวลาตัดสินใจสักหน่อย
แล้วจะบอกคำตอบพรุ่งนี้” เพราะฉะนั้น “Sleep on it คือ ขอเวลาตัดสินใจ แล้วจะบอกคำตอบทีหลัง” ค่ะ
5. “I’m broke.” อันนี้ได้ยินบ่อยมากๆเลยค่ะ
สำนวนนี้ไม่ได้หมายความว่ามีร่างกายส่วนหนึ่งส่วนใดเสียหรือใช้การไม่ได้แต่ความหมายจริงๆของสำนวนนี้ก็คือ
“ฉันไม่มีเงินเลย” หรือ “ถังแตก” นั่นเองค่ะ “I’m broke.” เท่ากับ “I have no money – ฉันไม่มีเงินเลย”
สำนวนนี้ใช้กันมาก และได้ยินกันบ่อยๆค่ะ
6. “Sharp” เมื่อใช้กับเวลา
ยกตัวอย่างเช่น “The meeting is at 7 o’clock sharp!” คุณว่าหมายความว่าอะไรคะ
ความหมายก็คือ “การประชุมจะเริ่มตอนเจ็ดโมงเป๊ะ” เวลามีคนใช้คำว่า “Sharp” ตามหลังเวลาพูดกับคุณ
ความหมายก็คือเขาต้องการย้ำเวลานั้นๆ และบอกคุณว่า “อย่ามาสายนะ”
7. “Like the back of my hand” ความหมายของสำนวนนี้คืออะไร
“the back of my hand หรือ หลังมือของตัวเอง” เป็นสิ่งที่ตัวเองต้องคุ้นเคยเป็นอย่างดี
คุณรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับหลังมือคุณ คุณเห็นอยู่ทุกวัน เพราะฉะนั้นถ้าฉันพูดว่า “I
know this city like the back of my hand.” ความหมายของฉันก็คือ “ฉันรู้จักเมืองนี้ดีมากๆ ฉันคุ้นเคยกับเมืองนี้” สำนวนนี้ก็ใช้กันบ่อยมากค่ะ
เราอาจปรับเปลี่ยนใช้สำนวนนี้ได้ว่า “He knows this city like the back of
‘his’ hand” ก็ได้นะคะ ความหมายก็จะยังเหมือนกัน ก็คือ “รู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งดี หรือ คุ้นเคยเป็นอย่างดี” ค่ะ
8. “Give me a hand.” ถ้ามีคนพูดกับคุณว่า
“Do you want to give me a hand?” เขาหมายความว่า “Do
you want to help me?” สมมุติว่ามีคนๆหนึ่งถือของมา แล้วเขาพูดว่า “Would
you give me a hand?” เขาไม่ได้ขอมือคุณเฉยๆนะคะ
เขากำลังขอให้คุณช่วยเขาหน่อยค่ะ “Would you give me a hand?” คือ “Would you help me?-คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม”
9. “In ages” ยกตัวอย่างเช่นใช้ในประโยคว่า
“I haven’t seen him in ages” ความหมายของ “in ages” ก็คือ “for a long time-เป็นเวลานานมาก” นั่นเองค่ะ เพราะฉะนั้น “I haven’t seen him in ages” ก็เท่ากับ “I haven’t seen him for a long time-ฉันไม่ได้เจอเขามานานมากแล้ว”
จำไว้นะคะ “in ages” แปลว่า “เป็นเวลานานมาก”
10. “Sick and tired” สำนวนนี้แปลได้ว่า
“ไม่ชอบ หรือ เกลียด” ค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณพูดว่า “I’m sick and tired of doing homework.” ความหมายก็คือ “ฉันไม่อยากทำการบ้านแล้ว
ฉันไม่ชอบทำการบ้านเลย”
11. “behind one’s back” แปลว่า
พูดหรือกระทำโดยอีกคนหนึ่งไม่รู้ตัว หรือ พูดลับหลัง ตัวอย่างเช่น Pete
loves to gossip Jay behind his back. (พีทชอบที่จะนินทาเจลับหลัง
โดยเขาไม่รู้ตัว)
12. “turn one’s back on” แปลว่า
ไม่สนใจ ไม่ช่วยเหลือ ทอดทิ้ง ตัวอย่างเช่น John never turn his back on
his girlfriend when she needs help. (จอห์นไม่เคยไม่เคยทอดทิ้งเฉยเมยต่อแฟนสาวของเขา
เมื่อเธอต้องการความช่วยเหลือ)
13. “get back at” แปลว่า
แก้แค้น แก้เผ็ด เอาคืน ตัวอย่างเช่น If it takes me 10 years I will get
back at him. (ถึงแม้จะต้องเสียเวลาสัก 10 ปี
ผมก็จะต้องแก้แค้นมัน)
14. “hold something back” แปลว่า
ซ่อน ไม่เปิดเผย ไม่เต็มใจเปิดเผย ตัวอย่างเช่น I could tell from his
nervousness that he was holding back something. (ฉันสามารถจะบอกจากอาการตื่นเต้นของเขาได้ว่า
เขากำลังปิดบังอะไรบางอย่าง)
15. “be my guest” แปลว่า
พูดหรือทำตัวตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจกัน
16. “be oneself” แปลว่า
เป็นปกติธรรมดา “You haven’t been yourself lately. Is anything wrong?” (เธอดูเหมือนมีเรื่องไม่ค่อยสบายใจ มีอะไรรึเปล่า)
17. “be tired of” แปลว่า
รำคาญ เบื่อ เช่น I was tired of working for other people, so now I’m
self-employed. (ผมเบื่อที่เป็นลูกจ้าง
ขณะนี้ได้ออกมาทำกิจการของตนเองแล้ว)
18. “beyond hope” แปลว่า
ไม่มีโอกาสที่จะดีขึ้น ตัวอย่างเช่น Everyone has tired to help him with
his drink problem, but I think he is beyond hope. (ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเขาได้พยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยให้เขาพ้นจากปัญหาดื่มเหล้า
แต่ฉันว่าไร้ประโยชน์)
19. “big-headed” แปลว่า
หยิ่งยะโส ตัวอย่างเช่น “Here she comes! she always boasts about her
success. I don’t know why she’s so big-headed.” (นี่ไงล่ะ
คนที่ชอบคุยโวว่าตัวเองเก่ง ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงชอบอวดตัวเองนัก)
20. “A great deal” แปลว่า
จำนวนมาก มากมาย ตัวอย่างเช่น We’ve heard a great deal about you. (พวกเราได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณมากมาย)
21. Airhead
โง่เขลา I'm not a airhead girl !
22. “After all” แปลว่า
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตัวอย่างเช่น But after all, they are our
children. (แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เป็นลูกๆ ของเรานะ)
23. “After one’s own heart” แปลว่า
ได้ดังใจ สมใจคิด ถูกใจจริงๆ ตัวอย่างเช่น I love you, boy. You are always
a child after my own heart. (พ่อรักลูกนะ
ลูกเป็นลูกที่สมใจพ่อเสมอ)
24. “All over the place ” แปลว่า
ทั่วทุกที่ ทุกหนทุกแห่ง กระจัดกระจาย เกลื่อน ตัวอย่างเช่น Your books are
all over the place. (หนังสือของคุณวางอยู่ทั่วไปหมด)
25. “Around the corner” แปลว่า
อยู่ใกล้ๆ อยู่ไม่ไกล ใกล้เข้ามาแล้ว ตัวอย่างเช่น The examination is
right around the corner. (การสอบใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว)
26. “As a matter of fact” แปลว่า
อันที่จริง ตามที่จริง จริงๆ แล้วตัวอย่างเช่น As a matter of fact, l
don’t like them either. (อันที่จริงแล้วฉันก็ไม่ชอบพวกเขาเหมือนกัน)
27. “As far as I am concerned” แปลว่า
ตามความเห็นของฉัน ตามความคิดฉัน เท่าที่ทราบ ตัวอย่างเช่น As far as I am
concerned, he should get fired. (ตามความเห็นฉันนะ
เขาควรจะถูกไล่ออก)
28. Ass Bottom ก้น
29. Bitch
ผู้หญิงเลว
30. Bullshit โง่
31. Chick
ผู้หญิง
32. “Watch your mouth” แปลว่า
ระวังปาก ระวังคำพูด มีความหมายเดียวกับ Watch your tongue
33. “Let the cat out of the bag” แปลว่า หมายถึง หลุดปากเผยความลับออกมา ตัวอย่างเช่น “I let the
cat out of the bag about their wedding plans.”
34. “To feel under the weather” หมายถึง ไม่สบาย ป่วย ตัวอย่างประโยค “I’m really feeling under
the weather today; I have a terrible cold.”
และ 35.
“Jack of all trades” หมายถึง คนที่รู้ทุกอย่าง รู้ทุกเรื่อง
แต่ไม่เก่งจริงสักอย่าง ตัวอย่างประโยค “A jack of all trades,master of
none.” แปลว่า รู้ไปหมด แต่ไม่เก่งสักอย่าง
มาดูตัวอย่างการใช้จะได้จำเอาไปใช้นะคร้าบบบ :)
คำนี้มีความหมายว่า หรือไม่, หรือเปล่า, ใช่มะ
แท้จริงแล้วมันมาจากคำว่า Or not ซึ่งก็มีความหมายเดียวกันนั่นเอง ส่วนใหญ่จะใช้บ่อยตามโซเชียวเน็ตเวิร์ค
2.Example: I
date her because she is thinkpiece.
ตัวอย่าง: ฉันเดทนางเพราะเธอฉลาดไหวพริบดี
คำนี้หมายถึง ผู้หญิงที่เฉลียวฉลาด ไหวพริบดี
3.Example: The
party was turnt up last night!
ตัวอย่าง: ปาร์ตี้เมื่อคืนนี้มันส์หลุดโลกเลย!
สำหรับคำนี้มีความหมายคือ อาการของคนที่เมาเหล้า เมายามากๆ หรือว่าอีกความหมาย
คือ สนุกสนาน เฮฮา ปาร์ตี้แบบหลุดโลก
4.Example: I
love you, Bae!
ตัวอย่าง: เค้ารักตัวเองน้า เบบี๋
หลายคนคงได้ยินคำนี้อยู่บ่อยๆ และเป็นคำที่ใช้กันติดปากมาก เพราะมีความหมายว่า
“ที่รัก, เบบี๋, ดาร์ลิ่ง” ซึ่งย่อมาจากคำว่า
“Before Anyone Else” แปลว่า "ก่อนคนอื่น” ความหมายจะคล้ายกับคำว่า Baby,
Babe, Sweetie ที่เอาไว้ใช้เรียกแฟน กิ๊ก หรือ
คนที่เราแอบชอบก็ได้เช่นกัน
✔ Leggo
คำนี้มาจากคำว่า "let's go" ที่แปลว่า
"ไปกันเถอะ"
------------------------------------------------------------------------------
✔ Swag หรือ swagger
หรือ S.W.A.G
Swag หรือ swagger หมายถึง
สไตล์หรือบุคคลิกของคนๆหนึ่ง วิธีที่การเดิน การพูดคุย การแต่งกาย
การพรีเซนท์ตัวเองประมาณนี้
เช่น I like his swag. = ฉันชอบสไตล์ของเค้า
แต่คำนี้ก็มีอีกความหมายหนึ่งค่ะ นั้นก็คือ ... S.W.A.G
ย่อมาจาก Secretly we are gay = "ลับๆแล้วเราเป็นเกย์”
. . . อุ๊บส์!
-----------------------------------------------------------------------
✔ Hella
คำนี้คล้ายๆกับคำว่า โคตร,จริงๆ, มากๆ, สุดๆ หรือคล้ายคำว่า really, very ในภาษาอังกฤษ มันกึ่งๆไม่สุภาพแต่ก็ไม่หยาบเลยทีเดียว
ไม่แน่นำให้ใช้กับผู้ใหญ่หรือคนไม่สนิทนะจ๊ะ ตัวอย่างง่ายๆ เช่น เราจะบอกว่าหนังเรื่องนี้ดีมากๆ = This
movie is hella good. พอเก็ตนะจ๊ะ มาฟังเพลงตัวอย่างดีกว่า
1. To end in smoke
A. Smoking too many cigarettes B. House burnt
down
C. Face failure
D. Religious ceremony
2. To get into hot waters
A. Bathe in the winter months B. To get healthy
C. To get rich
D. To get into trouble
3. To make ends meet
A. A short story
B. To earn enough to live
C. To skip classes
D. To be an expert
4. Bolt from the blue
A. Sudden shock
B. To get punched
C. To lose a tight game D. To ask for help
5. To burn the candle at both ends
A. To argue endlessly B.
Long power cut
C. To work long hours D.
To have a good time
6. To bury the hatchet
A. To end enmity
B. To kill someone
C. To hide stolen treasure D. To
overexert
7. To spill the beans
A. To eat clumsily B. To reveal a secret
C. To get exhausted D.
To fight
8. To lead someone up the garden path
A. To give directions B. To
show a beautiful place
C. To mislead someone D. To
exaggerate
9. To weather a storm
A. To criticize someone B. To
survive a crisis
C. To be an introvert d. To
guess correctly
10. To bite one’s lip
A.To be unsure
B. To feel sorry at someone’s plight
C. To not react despite being angry D. To laugh at someone’s
misfortune
Part 2
:: Match the sentence with the idioms
Column A
Column B
...........Can you
help me. a. catch on
...........Do you
understand what I say? b. keep on
...........Did Manee
telephone Mana last week? c. lend a
hand
...........Be careful of that glass. d. call up
...........He will
continue working here e. look out for
……….. Gerry is as sick as a dog, so he should f. go somewhere special
g. it
was so easy to do
………..My grandma said, "I might be ninety years old, h. put on a lot of weight
but I
still feel as fresh as a daisy." She
….Hiroko says that he always feels ill at ease when he's i. we
need staff who know how people think
……Parents who feed their children junk food risk turning
them into j. nothing’s going right
for you
……Ollie said he had a whale of a time at the jazz festival
and he k. couldn’t approve our
loan
……Most people's day-to-day exercise includes some m. inviting my friends
inside
…Pete lost a hundred dollars on a bet, and then said
"Oh, well. Easy come, n. he didn’t
care about it
easy go." He wanted us to think that
…….I said "Make yourself at home" after o. go to a hospital
...The guy in a bank who approves loans said his hands were
tied & he p. wants to go again next
year
……If you're having a bad hair day q. overweight , unhealthy
….We think the company needs some young blood because r. on a first date with a girl
….. When he was out of work, Frank was a couch potato and he s. feels much younger
…. Her homework was a piece of cake because t. go to a hospital
….Oil says she's tired of going to run-of-the-mill
restaurants every night. She wants to
u. housework
…. My company went out of business because we v. couldn't make a profit
>> Check Your Answers !! <<
น่าสนใจมากค่ะ
ตอบลบให้ควาทรู้แบบนี้ไปเรื่อยๆนะคะ เป็นความรู้ที่นำไปใช้จริงได้ในชีวิตประจำวันค่ะ😊
ตอบลบ